สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าอาหารก็คือน้ำ และถ้าอยากดื่มน้ำก็ต้องมีบรรจุภัณฑ์
ตลาดบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มเป็นตลาดที่แข็งแกร่ง เพราะในทุกสถานการณ์
ความต้องการบรรจุภัณฑ์จะยังเติบโตไปพร้อมกับความต้องการของตลาด
หุ้น BGC คือหนึ่งในผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์รายใหญ่ของอาเซียน สามารถผลิตขวดแก้วได้ถึงปีละมากกว่า 4,000 ล้านขวด !
ด้วยเทคโนโลยีการผลิต สถานะความเป็นผู้นำ รวมถึงผู้ถือหุ้นที่เป็นรายใหญ่ในตลาดเครื่องดื่ม ทำให้หุ้น BGC เป็นหุ้นเติบโตที่น่าสนใจ
ตอนนี้หุ้น BGC อยู่ระหว่างปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ มาเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดจากการควบรวม หรือ M&A เป็นหลัก ข้อดีของการควบรวมคือ เมื่อซื้อกิจการแล้วจะรับรู้รายได้ทันที ต่างกับการสร้างโรงงานใหม่ที่อาจต้องใช้เวลาในการสร้างฐานรายได้
ผู้บริหารตั้งเป้าไว้ว่าจะเติบโตกว่าเท่าตัว ภายใน 5 ปี จากรายได้ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 11,000 ล้านบาท เป็น 25,000 ล้านบาท ในปี 2568 ผู้บริหาร BGC วางแผนไว้ว่าอย่างไร ไปศึกษาพร้อมกันครับ

ความน่าสนใจของหุ้น BGC มีอยู่ 5 ข้อหลัก
1. เป้าหมายการเติบโตของรายได้กว่าเท่าตัวใน 5 ปีข้างหน้า เป้านี้ถือว่าท้าทายอย่างมาก แต่เท่าที่ศึกษาดูก็พบว่าบริษัทฯ มีการวางแผนไว้แล้ว ซึ่งก็คือ …
2. การปรับโมเดลธุรกิจสู่การเป็น Total Packaging Solutions คือต่อไป BGC จะไม่ผลิตแค่บรรจุภัณฑ์แก้วเท่านั้น แต่จะเน้นสร้างธุรกิจบรรจุภัณฑ์อื่นที่เกี่ยวเนื่องเพิ่มขึ้น เช่น ฟิล์มพลาสติก ฝาพลาสติก ขวด PET หลอดพรีฟอร์ม และกล่องกระดาษลูกฟูก ซึ่งสามารถ Synergy กับลูกค้ากลุ่มเดียวกับบรรจุภัณฑ์แก้ว
3. การเติบโตในธุรกิจใหม่ที่ไม่ใช้การค่อย ๆ สร้างขึ้นมาเพราะมันช้า! แต่จะใช้การซื้อกิจการหรือควบรวมเข้ามาในบริษัทฯ ทำให้มีรายได้ทันที ซึ่งมีแนวโน้มที่ดีกว่าในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนสูง
4. บริษัทฯ มีการตั้งเป้ารายได้ในบรรจุภัณฑ์อื่นๆว่าจะมีสัดส่วนถึง 40% ในอนาคต บ่งบอกถึงความเติบโตในการขยายธุรกิจไปในแนวทางนี้
5. ผู้บริหารมีการคาดการณ์ว่าตลาดบรรจุภัณฑ์แก้วจะมีกลับมาเติบโต 5-6% หลัง COVID-19 จากการบริโภคและการกลับมาเปิดเมืองอีกครั้ง
ปัจจัย 5 ข้อนี้เป็นสิ่งที่ทำให้ผมสนใจหุ้น BGC
สำหรับใครที่ยังไม่คุ้นเคยกับธุรกิจของหุ้นตัวนี้ มาทำความเข้าใจข้อมูลพื้นฐานกันครับ

หุ้น BGC ทำธุรกิจอะไร?
หุ้น BGC ทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์แก้วที่ใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม อาหารและยา ให้แก่ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ
สัดส่วนรายได้ถ้าวัดตามประเภทของธุรกิจจะเห็นว่า ธุรกิจบรรจุภัณฑ์แก้วคิดเป็นสัดส่วนกว่า 95% ของรายได้ทั้งหมด
โดยมาจากธุรกิจขวดเบียร์ในสัดส่วนสูงถึง 44% หรือเกือบครึ่งหนึ่งของรายได้ ดังนั้น ดีมานด์การบริโภคเบียร์จึงค่อนข้างมีผลกับยอดขายรวมของบริษัทฯ
ส่วนที่สองคือเครื่องดื่มไม่ผสมแอลกอฮอล์ หรือ Soft drink มีสัดส่วน 38% เป็นรายได้อันดับ 2
เมื่อรวมเบียร์และเครื่องดื่มไม่ผสมแอลกอฮอล์ก็มีสัดส่วนถึง 82% ดังนั้น กำลังซื้อและการบริโภคจึงมีความสำคัญอย่างมากกับบริษัทฯ
ส่วนที่เหลือคืออาหาร 7% ยาฆ่าแมลงและยา 1% และประเภทอื่น เช่น สุรา ไวน์ และเครื่องดื่มให้พลังงาน อีก 10%

ในเชิงงบการเงินหุ้น BGC เป็นยังไง?
รายได้ของบริษัทฯ ในปี 2563 อยู่ที่ 10,968 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า 3% จริง ๆ ตรงนี้แม้รายได้ชะลอตัว แต่ผมถือว่าทำได้ดีมากนะครับในสภาวะวิกฤต
สิ่งที่น่าสนใจกว่ารายได้คือกำไรขั้นต้นที่เติบโตสูงถึง 17% จากการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันและราคาของโซดาแอช การควบคุมและลดต้นทุนการผลิต
ด้วยเหตุนี้ทำให้กำไรสุทธิของบริษัทฯ เติบโต 11% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว นับว่าเป็นการกลับมาเติบโตที่รวดเร็ว

แต่การเติบโตของหุ้น BGC จะไม่หยุดอยู่แค่นี้ เพราะบริษัทฯ มีแผนที่จะเติบโตเพิ่มถึงกว่าเท่าตัวในระยะเวลา 5 ปี … การเติบโตแบบก้าวกระโดดนี้มีกลยุทธ์หลักคือการซื้อและควบรวมกิจการ (M&A)
บริษัทฯ มีแผนเติบโตในธุรกิจบรรจุภัณฑ์แก้ว และธุรกิจบรรจุภัณฑ์อื่นๆ เช่น ฟิล์มพลาสติก ฝาพลาสติก ขวด PET หลอดพรีฟอร์ม รวมไปถึงกล่องกระดาษลูกฟูก
บริษัทฯ คาดการณ์ว่าหากทำได้ตามแผน จะทำให้บริษัทฯ มีรายได้เติบโตอีกกว่าเท่าตัว เป็น 25,000 ลบ. ต่อปี ทำให้โครงสร้างรายได้ของบริษัทฯเปลี่ยนแปลงจากปัจจุบันมีรายได้จากบรรจุภัณฑ์แก้ว 95% เป็นสัดส่วนรายได้ใหม่ที่ประกอบด้วย
- ธุรกิจบรรจุภัณฑ์แก้ว 55%
- ธุรกิจบรรจุภัณฑ์อื่น ๆ 40%
- และธุรกิจพลังงานอีก 5%
ธุรกิจบรรจุภัณฑ์อื่น ๆ 40% •และธุรกิจพลังงานอีก 5%
ทำให้มีการกระจายความเสี่ยงของรายได้มากขึ้น ในขณะที่ธุรกิจใหม่ที่เพิ่มเข้ามาจะมี Synergy กับธุรกิจเดิมอย่างมาก โดยรวมนับว่าบริษัทฯ จะมีสถานะที่แข็งแกร่งมากขึ้นแน่นอน

เจาะลึกในรายละเอียดว่า BGC จะเติบโตกว่าเท่าตัวได้อย่างไร?
ต้องบอกว่าบริษัทฯ ได้เริ่มแผนไปแล้วด้วยการเตรียมเข้าซื้อกิจการ 2 บริษัท
- บริษัท บีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด ทำธุรกิจฟิล์มพลาสติก ฝาพลาสติก ขวด PET และหลอดพรีฟอร์ม
- บริษัท บางกอกบรรจุภัณฑ์ จำกัด ทำธุรกิจกล่องกระดาษลูกฟูก มีกำลังการผลิต 5 หมื่นตันต่อปี
และยังมีแผนการณ์ที่อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาในปีนี้อีกหนึ่งกิจการ
ในขณะที่เตรียมเข้าซื้อกิจการ บริษัทฯ เองก็ดำเนินการลดต้นทุนและกระจายความเสี่ยงไปพร้อมกัน
- เพิ่มรูปแบบของพลังงานที่ใช้ เพื่อกระจายความเสี่ยง
- เพิ่มสัดส่วนการใช้เศษแก้ว ทำให้ลดการใช้พลังงานในการหลอม
- ควบคุมการใช้เชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสในการทำกำไรให้มากขึ้น ส่งผลดีต่อธุรกิจและหุ้นในระยะยาว

นอกจากปัจจัยการเติบโตที่กล่าวมาแล้วนั้น BGC ยังมีเครือข่ายการกระจายสินค้าทั่วโลก แม้รายได้จากต่างประเทศของบริษัทฯ จะยังไม่มากประมาณ 8% ของรายได้ทั้งหมดก็ตาม
แต่ด้วยเครือข่ายและคอนเนคชั่นที่เข้มแข็ง จะทำให้มีโอกาสในการเติบโตในอนาคต
นอกจากนี้ เมื่อบวกกับการควบรวมกิจการ จะทำให้ BGC สามารถเข้าถึงตลาดจากเครือข่ายที่มีอยู่แล้วได้มากขึ้น ซึ่งน่าจะเห็นผลไม่เกิน 1-2 ปีข้างหน้า

ในภาพรวมหุ้น BGC ถือเป็นธุรกิจที่แข็งแกร่ง โดยได้รับการจัดอันดับจากทริสเรตติ้ง ที่ระดับ A- ด้วยแนวโน้มคงที่หรือ Stable
โดยสามารถแบ่งจุดเด่นหลัก ๆ ของ BGC ได้เป็น 3 ข้อ
- บริษัทฯ เป็นหนึ่งในผู้นำด้านการผลิตบรรจุภัณฑ์ของอาเซียน โดยเฉพาะใน CLMV
- กำลังการผลิตรวมสูงสุดในประเทศไทย 3,495 ตัน/ วัน หากเศรษฐกิจฟื้นกลับมา BGC น่าจะเป็นบริษัทที่ได้ประโยชน์สูงสุดรายหนึ่ง
- เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิต และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทฯ สามารถควบคุมต้นทุน และใช้ประโยชน์จาก Economy of Scale ได้อย่างเต็มที่

ในเชิงการลงทุนหุ้น BGC มีจุดเด่นตรงไหน?
- ความแข็งแกร่งที่พิสูจน์แล้ว จากการเป็นผู้นำตลาด รวมไปถึงการมีลูกค้าที่แข็งแกร่ง
- โอกาสในการเติบโตในตลาดต่างประเทศ และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเมื่อบริษัทฯ มีสินค้าที่หลากหลาย
- การปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจที่เน้นการควบรวม ทำให้มีรายได้ทันทีที่ควบรวมกิจการ ไม่ต้องรอและไม่เสียเวลา
- ธุรกิจมีความทนทานต่อสภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ซึ่งพิสูจน์แล้วจากการผ่านวิกฤต COVID-19 เมื่อปีที่แล้ว
ปัจจัยเหล่านี้ทำให้โอกาสการเติบโตของหุ้น BGC มีความน่าสนใจและโอกาสที่จะประสบความสำเร็จมากขึ้น
แต่การลงทุนก็ยังคงมีความเสี่ยง และนักลงทุนก็ควรติดตามความเสี่ยงอย่างใกล้ชิด

ความเสี่ยงที่พอจะประเมินได้และควรต้องติดตามอย่างใกล้ชิดมีอยู่ 4 ข้อ
- ราคาเชื้อเพลิง เพราะราคาพลังงานอิงอยู่กับราคาน้ำมัน ดังนั้น จึงทำให้ราคาผันผวน ตรงนี้อยู่ที่ว่า บริษัทฯจะมีกลยุทธ์ในการรับมือดีแค่ไหน
- เมื่อพูดถึงการซื้อและควบรวมกิจการ สิ่งที่ตามมาคือเรื่องเงินลงทุนว่าบริษัทฯ จะสามารถจัดหาเงินลงทุนได้ในมูลค่าและช่วงเวลาที่เหมาะสมหรือไม่?
- อัตราแลกเปลี่ยน ถ้าเติบโตไปทำธุรกิจกับต่างประเทศมากขึ้น ย่อมต้องเจอกับความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยน
- การแข่งขันในตลาด ส่วนตัวเชื่อว่าไม่สูงมาก แต่ในยุคปัจจุบันที่มีการ Disrupt ของเทคโนโลยี ในฐานะนักลงทุนก็ต้องบอกว่าอย่าประมาทการ์ดห้ามตก
โดยสรุปหุ้น BGC ถือเป็นหุ้นที่ผมมองเห็นโอกาสในการเติบโตในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานของบริษัทฯ จะเป็นไปตามแผนที่วางไว้หรือไม่ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ครับ
ขอให้ทุกคนโชคดีกับการลงทุน
ชอบสรุปข้อมูลหุ้นอ่านง่ายแบบนี้ อย่าลืมกด Like Page Facebook ให้กำลังใจทีมงาน Buffettcode ด้วยนะครับ