
ปีนี้คงเป็นอีกปีที่ตลาดหุ้นไทยจะผันผวนอย่างหนัก
สิ่งที่นักลงทุนธรรมดาอย่างผมทำได้ตอนนี้คือพยายามศึกษาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดูว่านักลงทุนเก่งๆเขามีแนวคิดรับมือตลาดหุ้นกันอย่างไร? ผมได้ไปดูคลิปวีดีโอของท่านดร.นิเวศน์มา อาจารย์อธิบายกลยุทธ์ลงทุนอย่างชัดเจนมาก เลยนำมาสรุปให้เพื่อนๆศึกษากันครับ
ปล.ผมใส่ความเห็นตัวผมเองเข้าไปบางส่วน อธิบายเพิ่มเติมบางจุด หากผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ณ.ที่นี้ด้วยครับ

หุ้นไทยปี 2020 น่าจะดีดกลับ
จากมุมมองดร.นิเวศน์ ท่านมองว่าหุ้นไทยมักไม่ค่อยแย่ติดต่อกัน 2-3 ปี จากประสบการณ์ที่ผ่านๆมา ถ้ามีแย่ 2 ปีแล้วส่วนใหญ่ปีที่ 3 มักจะกลับมาดีได้ หากยังเป็นเหมือนสถิติในอดีตและไม่ได

ลงทุนหุ้นได้ แต่ต้องเลือก !!!
ช่วงนี้มีหุ้นดี ปันผลงาม ราคาลดลงมาเต็มไปหมด ให้เลือกหุ้นที่ Defensive เน้นหุ้นใหญ่ P/E ตํ่า ปันผล 3% ขึ้นไป ที่สำคัญต้องไม่ถูก Disrupt รุนแรง และมีความเสี่ยงน้อย

ลงทุนหุ้น ยังดีกว่าฝากเงินเฉยๆเสมอ !
หุ้นที่ปันผลมากกว่า 3-5% มีมากขึ้นมาก ฝากเงินดอกเบี้ยน้อย ฝากประจำได้ 1-2% ยังไงถ้าลงทุนในหุ้นระยะยาว5-10 ปีขึ้นไปโอกาสได้ผลตอบแทน มากกว่ายังค่อนข้างมาก

หุ้นไทยระยะสั้นขึ้นแต่ระยะยาวยัง “ไม่ไปไหน”
การขึ้นรอบนี้ของหุ้นไทยเป็น Technical Rebound คือการเป็นดีดระยะสั้นๆ เพราะลงมามากเกินไป แต่ในระยะยาวถ้าประเทศไทยยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง การจะกลับตัวเป็นขาขึ้นแรงๆนั้นยาก โอกาศขึ้นๆลงๆออกข้างไม่ไปไหนมีสูงกว่า

Megatrend เมืองไทยอิ่มตัวแล้ว
การลงทุนตามเทรนด์ในเมืองไทยค่อนข้างอิ่มตัว เทรนด์เก่าก็เติบโตเต็มที่ไปหมดแล้ว ค้าปลีกมีทั่วประเทศแล้ว ยังไม่มีการเติบโตใหม่ๆ อุตสาหกรรมใหม่ๆมาผลักดันประเทศ ลงทุนประเทศไทยไม่เน้นโตเร็ว เน้นกำไรมั่นคง โตสมํ่าเสมอ ปีละ 10% ก็เพียงพอแล้ว

ตลาดหุ้นไทยไม่เหมาะกับคนอยากรวยเร็ว
ด้วยเหตุผลเดิมคือการเติบโตต่างๆผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว เล่นหุ้นไทยตอนนี้ เน้นรักษาความมั่นคงสำคัญที่สุด

หุ้นโรงพยาบาลยังดีไหม?
รพ.ไม่โตเร็วมาก โตไม่เกิน 10% โรงพยาบาลท้องถิ่นจะโตยาก สู้พวกทุนหนา เป็นกลุ่มใหญ่ไม่ไหว คนแก่เยอะขึ้น แต่เด็กเกิดก็หายไป เจ๊ากัน ทำให้กำลังซื้อของรพ.ไม่เหมือนเดิม ราคาก็แพง P/E 30-40 เท่า บางรพ.รับต่างชาติแต่ก็มีความเสี่ยงต่างชาติไม่มาเช่นกัน ดูหุ้นรพ.ตอนนี้ต้องเน้นคุณภาพกับราคาหุ้นที่เหมาะสม

Value Investing ยังคงใช้ได้
หลักการศึกษาข้อมูลกิจการและหาหุ้นที่ตํ่ากว่ามูลค่ายิ่งจำเป็นในช่วงนี้ ราคาควรตํ่ากว่ามูลค่าที่คำนวณได้ซัก 30% ถึงซื้อ

หุ้นลงมาเยอะมาก คนกลัวการ Disrupt มากเกินไป กลัว NPL ราคาที่ลงมามากไปนิดนึง ธนาคารยังเป็นเสาหลักของประเทศ ลูกค้ามีแน่นอน ส่วนต่างดอกเบี้ยก้ยังดีกว่าที่อื่น เป็นกลุ่มที่น่าสนใจ แต่ก็อย่าหวังว่าจะได้กำไรหลาย 10% แทนที่จะไปฝากเงินได้ 1% เอามาลงหุ้นธนาคารได้ 4-5% น่าจะดีกว่าไหม

เน้นหุ้นธนาคารเล็ก-กลาง
เพราะธนาคารขนาดเล็ก-กลางไม่ถูกกระทบจากค่าธรรมเนียมที่ลดลง (เพราะส่วนใหญ่ไม่ได้มีแต่แรกอยู่แล้ว) บริการของธนาคารเหล่านี้พวกกองทุน สินเชื่อ คนก็ยังต้องใช้อยู่ แต่ราคาของแบงค์เล็ก-กลางไม่ได้ลงมาเท่าแบงค์ใหญ่ นับว่ายังซื้อได้ทั้งคู่

เศรษฐกิจไทยเข้าสู่สภาพ “ลงแบบถาวร”
10 ปีข้างหน้า การเติบโต GDP อาจจะตำ่กว่า 2% ประสิทธิภาพการทำงานของคนไทย ไม่พัฒนา การศึกษาไม่ดี เก่งเล่นเฟสบุ๊คกับไลน์แต่มันไม่ก่อให้เกิดประสิทธิภาพ แรงงานทำงานไป จิ้มเฟสบุ๊คไปมันจะโตได้ไง คนไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ แต่รายได้น้อยกว่าญี่ปุ่น 5 เท่า

ถึงจุดหนึ่งก็ต้องไปเล่นหุ้นต่างประเทศ
แต่ก็จะเสียเปรียบเพราะรู้จักหุ้นไม่พอ ไหนจะมีความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน ถ้าจะลงต้องไปลงระยะยาว หุ้นระดับโลก Super Stock ที่หาข้อมูลไม่ยาก เคยใช้สินค้าบริการของเขา (พวก Facebook, Google) ใครไม่เก่งพอก็ไปจ้างเขาเอา หรือลงกองทุน

ประเทศไทยต้องมี New Thinking
ประเทศไทยต้องคิดใหม่ ลบของเก่าทิ้ง Start Up อะไรเราสู้เขาไม่ได้ วิศวกรเราก็เก่งไม่เท่าเขา ควรดูว่าตัวเราเก่งอะไร เช่นเรื่องการท่องเที่ยวเป็นต้น ในเชิงนโยบายไทยยังปรับรับนักท่องเที่ยวหรือนักลงทุนต่างชาติได้อีกมาก ต้องเปลี่ยนแบบครั้งใหญ่ ไม่ใช่เปลี่ยนเล็กๆน้อยๆไม่เห็นผล อย่างไรก็ตาม ณ.ตอนนี้ อจ.เหลือเงินสดน้อยแล้วเพราะลงในหุ้นไปหมดแล้ว
แอด LINE
อัพเดทข้อมูลเศรษฐกิจไทย บทความกลยุทธธุรกิจเจ๋งๆ -> rebrand.ly/bfc