สรุปวิธีดู “หุ้นเล็ก” โตไวต้องเลือกยังไง เฟ้นหาเพชรในตม ของดีที่ยังไม่มีคนมองเห็น

หุ้นเล็กโตเร็ว

หนึ่งในสเน่ห์ของหุ้นเล็กที่นักลงทุนชอบมากที่สุดคือศักยภาพในการเติบโต และโอกาสในการทำกำไรมากๆ ในการลงทุนเพียงครั้งเดียว อย่างไรก็ตามด้วยความที่เป็นหุ้นเล็ก ทำให้ศักยภาพในการควบคุมความเสี่ยง และปริมาณเงินทุนในการขยายธุรกิจมีไม่มากพอต้องเผชิญกับปัญหาที่ไม่คาดคิดทำให้แทนที่หุ้นเล็กจะ “โตเร็ว” กลับกลายเป็นต้อง “ตายเร็ว” แทน

ด้วยความที่ผมเองมีโอกาสลงทุนหุ้นเล็กหลายครั้ง มีทั้งประสบความสำเร็จได้กำไรเยอะๆ อย่างที่ฝัน แต่บางครั้งก็ต้องผิดพลาดจนฝันสลายก็มีเช่นกัน ตลาดหุ้นปีนี้ค่อนข้างผันผวน มีทั้งหุ้นที่เติบโตเป็นไปตามคาดและไม่เป็นไปตามคาด ผมตามสังเกตหุ้นเหล่านี้มาได้ซักระยะหนึ่งพอจะสรุปเป็นหลักการในการเลือกหุ้นเล็กให้มีคุณภาพ ได้หุ้นเล็กโตเร็ว และหลีกเลี่ยงหุ้นเล็กตายเร็ว

1. ดูการเติบโตให้ครบทุกมิติ

ในการลงทุนหุ้นเล็กนั้น การเติบโตของกำไรมักจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ต่อให้หุ้นดีแค่ไหนถ้ากำไรไม่โต หรือไม่มีปัจจัยมาทำให้นักลงทุนในตลาดทราบว่ากำไรจะเติบโตในอนาคต โอกาสที่หุ้นจะขึ้นเยอะๆ นั้นยากมาก อย่างไรก็ตามแม้จะสำคัญที่สุด แต่ไม่ได้หมายความว่าจะสำคัญเพียงอย่างเดียว การดูกำไรของหุ้นเล็กที่ดีนั้นต้องดู คุณภาพของกำไรที่ได้มาด้วยว่าผันผวนหรือไม่? เป็นกำไรที่ได้มาเพียงครั้งเดียว (One time) แล้วจะไม่มีอีกแล้วหรือเปล่า หรือเป็นกำไรทางบัญชีที่มาจากการกลับรายการเท่านั้นไม่ได้เป็นกำไรที่มาจากธุรกิจจริงๆ

นอกจากนั้นยังต้องรู้ให้ได้ว่า สาเหตุที่ทำให้กำไรเติบโตนั้นคืออะไร? มาจากยอดขายที่มากขึ้น มาจากการลดต้นทุนของบริษัท, การปรับโครงสร้างทางการเงิน หรือมาจากบริษัทลูกเป็นต้น เพราะถ้าสาเหตุของกำไรเป็นสาเหตุที่สามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง โอกาสที่การเติบโตของกำไรจะต่อเนื่อง ยั่งยืนก็มีมาก ตลาดหุ้นให้คุณค่ากับกำไรที่ยั่งยืนกับไม่ยั่งยืนไม่เท่ากัน ดังนั้นนักลงทุนจึงจำเป็นต้องทำความเข้าใจประเด็นนี้ให้ดี

2. จังหวะการลงทุนต้องแม่น

จังหวะการลงทุนในที่นี้ผมไม่ได้หมายถึงจังหวะการเข้าซื้อหรือขายหุ้นเป็นรายวัน แต่เป็นจังหวะลงทุนของธุรกิจของหุ้นตัวนั้นๆ เบื้องหลังของหุ้นก็คือธุรกิจ การที่ธุรกิจจะมีกำไรได้ ต้องเกิดการลงทุนเพื่อสร้างโรงงาน, ซื้อเครื่องจักร, สร้างโรงพยาบาล หรือการสร้าง Software ขึ้นมาขายเป็นต้น แน่นอนว่าเมื่อลงทุนแล้วต้องมีการทำการตลาดเพื่อให้สินค้า/บริการนั้นเป็นที่รู้จักกับลูกค้า

ในช่วงแรกของการทำธุรกิจ เกือบ 90% ของธุรกิจมักจะมีกำไรน้อยหรือไม่มีกำไรเลย มีแต่ค่าใช้จ่าย ต้องดำเนินกิจการไปซักพักจึงจะเริ่มมีกำไรและเห็นการเติบโต ถ้าเราไปเผลอลงทุนในหุ้นเล็กตั้งแต่ยังมีแค่แผน หรืออยู่ในช่วงลงทุน ก็จะทำให้เกิดความเสี่ยงและอาจจะขาดทุนได้ในช่วงแรก ต้องใช้เวลา 1-2-3 ปีกว่าธุรกิจจะมีกำไรและราคาหุ้นกลับขึ้นมาได้ นี่ถือเป็นกรณีที่เป็นแง่ดี แต่ถ้าเป็นกรณีแง่ร้าย เงินที่ลงทุนไปอาจจะทำธุรกิจไม่ประสบความสำเร็จ และขาดทุนอย่างต่อเนื่องก็เป็นได้ ถ้าเป็นแบบนั้นโอกาสที่หุ้นจะกลับขึ้นมาอย่างยั่งยืนจะยากมาก ยิ่งเป็นหุ้นเล็กที่มักจะมีธุรกิจเพียงอย่างเดียว ฐานเงินทุนและสายป่านก็ไม่ได้มีมาก ถ้าลงทุนแล้วธุรกิจไม่ประสบความสำเร็จก็เรียกได้ว่าแทบจะเจ๊งไปเลย ดังนั้นถ้าเป็นไปได้นักลงทุนควรต้องกะจังหวะลงทุนให้ดี เข้าลงทุนในช่วงที่ธุรกิจผ่านช่วงลงทุนไปแล้วและกำลังจะมีกำไรและเติบโต

3. ราคาต้องได้

หลายๆครั้งหุ้นมีการเติบโตดี และอยู่ในช่วงจังหวะที่กำลังทำกำไร แต่ราคาหุ้นกลับมีราคาสูงเกินไปเมื่อเปรียบเทียบกับธุรกิจที่ใกล้เคียงกัน ข้อดีของการลงทุนหุ้นเล็กคือ ถ้ามีหุ้นที่ทำธุรกิจคล้ายๆ กันจะเปรียบเทียบง่ายมาก แต่ถ้าไม่มีก็จะยากไปเลย บางทีอาจจะต้องไปเปรียบเทียบกับหุ้นที่อยู่ต่างประเทศ ยิ่งทำให้ยากไปอีกเพราะสภาวะเศรษฐกิจและโครงสร้างประเทศไม่เหมือนกัน ดังนั้นอาจจะจำเป็นต้องใช้ปัจจัยอื่นเข้ามาช่วยเปรียบเทียบราคาหุ้นเช่น ปันผลเป็นต้น

4. ปันผลดี มีชัยไปกว่าครึ่ง

ในช่วงเวลาวิกฤตตลาดหุ้น หลายๆครั้งหุ้นมักจะหยุดลงเมื่อสัดส่วนปันผลต่อราคาหุ้นสูงถึง 8-12% สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าการใช้ปันผลมาประเมินมูลค่าที่แท้จริงและราคาที่หุ้นควรจะเป็นนั้นสามารถทำได้ ดังนั้นถ้าหุ้นเล็กมีกำไรเติบโตและสามารถปันผลมากขึ้นได้ จะช่วยลดโอกาสในการลงทุนหุ้นตัวนั้นแล้วขาดทุนลงได้มาก ถ้าหุ้นตัวหนึ่งมีปันผลที่ 1% แต่ถ้าเติบโตแล้วสามารถมีกำไรเพิ่มมากขึ้นจนปันผลเพิ่มเป็น 2% ในอนาคตได้ที่ราคาเท่าเดิม โอกาสที่ราคาหุ้นจะเพิ่มขึ้นก็มีสูง

5. ผู้บริหารต้องอ่านให้ขาด

การทำความเข้าใจแผนของผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียนนั้นสำคัญมาก เพราะแผนของผู้บริหารจะเป็นตัวบ่งบอกอนาคตของหุ้นตัวนั้นๆ นอกจากแผนของผู้บริหารแล้วสิ่งสำคัญที่นักลงทุนต้องใส่ใจคือวิธีการทำให้แผนนั้นเป็นจริง และผลงานที่ผ่านมาของบริษัทนั้นๆ ว่ารายได้และกำไรเติบโตตามหรือไม่? ถ้าไม่ก็ควรจะต้องระวังให้มากเพราะผู้บริหารมีหลายแบบ บางคนถ่อมตัว บางคนก็พูดเกินความจริงไปนิด ต้องรู้จักสังเกต

6. อ่านบทวิเคราะห์หลายๆ สำนัก

สำหรับผมสิ่งที่เป็นตัวช่วยได้ดีในการลงทุนหุ้นเล็กคือ บทวิเคราะห์ของนักวิเคราะห์ครับ เพราะมักจะได้ข้อมูลที่เป็นข้อมูลจากบริษัทจริงๆ รวมไปถึงวิธีการประเมินมูลค่าหุ้น และราคาที่เหมาะสมด้วย ประเด็นคือนักลงทุนไม่ควรจะอ่านบทวิเคราะห์เพียงแค่สำนักเดียว แต่ควรอ่านหลายๆ สำนักเปรียบเทียบกัน ความยากมันอยู่ตรงนี้ยิ่งเป็นหุ้นเล็ก มักจะไม่ค่อยมีคนทำบทวิเคราะห์ออกมา 

แต่เท่าที่ผมทราบ ณ.ตอนนี้ SET ได้มีโครงการใหม่ชื่อ SET Extended Research Coverage ซึ่งจะเป็นโครงการที่จัดทำ 100 บทวิเคราะห์สำหรับผู้ลงทุนเพื่อมาช่วยให้นักลงทุนอยากเราๆ ท่านๆ ทำงานกันง่ายขึ้น ไม่ต้องรู้สึกเหมือนงมเข็มในมหาสมุทร 

โครงการนี้ของ SET เน้นวิเคราะห์หุ้นที่มีขนาดเล็กและมีแนวโน้มโตเร็วโดยเฉพาะ มีการให้เรทติ้งเป็นดาว มีบอกไว้แล้วหมดว่าควรซื้อ-ถือ-ขาย ใครสนใจเข้าไปศึกษาลองตามลิงค์ด้านล่างเข้าไปดูครับ ผมบอกได้เลยว่าเว็บนี้จะเป็นเว็บที่ผมใช้เป็นประจำแน่ๆ ขอบคุณทาง SET และกลต. ที่เป็นหัวเรือร่วมมือกับสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุนเพื่อนักลงทุนไทยครับ

ลิงค์นี้เลย -> https://setga.page.link/v8Fvmhz4bVYoQxf6A

จะลงทุนหรือเก็งกำไร อย่าลืมอ่าน SET Extended Research Coverage ก่อนการตัดสินใจทุกครั้งนะครับ

Buffettcode x SET