หนึ่งในเมกะเทรนด์ของการลงทุนคือการลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุหรือ Aging Society ของประเทศไทย
พอพูดถึงเรื่องนี้คนส่วนใหญ่มักจะคิดถึงหุ้นโรงพยาบาลแต่ในความจริงยังมีหุ้นอีกกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากเทรนด์นี้คือหุ้นกลุ่มที่ขายอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ ซึ่งได้ผลประโยชน์และน่าจะเติบโตได้ดีเช่นกัน
หุ้น SMD หรือบริษัท เซนต์เมด จำกัด (มหาชน) คือหนึ่งในผู้นำตลาดอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ซึ่งกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทฯ เป็นโรงพยาบาลของรัฐบาลที่มีความมั่นคงสูง
ปี 2563 ที่ผ่านมาเป็นปีที่ทั้งรายได้และกำไรของ SMD ทำจุดสูงสุดใหม่ท่ามกลางวิกฤต COVID-19
ด้วยรูปแบบธุรกิจและโครงสร้างทางการเงินที่น่าสนใจทำให้ผมคิดว่า SMD มีความแตกต่างจากหุ้นผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์อื่น ๆ พอสมควร
แนวโน้มในอนาคตของบริษัทฯ ถือว่าอยู่ในจุดที่เป็น Sweet Spot ซึ่งเหมาะสมกับการเติบโต
SMD ถือเป็นหุ้น IPO อีกตัวที่พลาดไม่ได้สำหรับนักลงทุนนะครับ ต้องศึกษาข้อมูลให้พร้อม !

หุ้น SMD มีดียังไง?
อย่างแรกเลยครับ SMD เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์จากต่างประเทศ
บริษัทฯ มีประสบการณ์กว่า 20 ปีในวงการนี้ และมีคู่ค้าเป็นบริษัทเครื่องมือแพทย์ชั้นนำในต่างประเทศกว่า 30 ราย
Story การเติบโตที่ผมคิดว่าน่าสนใจมีอยู่ทั้งสิ้น 3 ข้อหลัก ๆ
1. รายได้และกำไรของบริษัทฯ เติบโตอย่างต่อเนื่อง ขนาดเจอกับสภาวะตลาดแย่ ๆ อย่างวิกฤต COVID-19 เข้าไปยังโตได้ แบบนี้เขาเรียกว่าไม่ธรรมดาครับ
2. บริษัทฯ ทำธุรกิจที่อิงอยู่กับเทรนด์ Aging Society หรือสังคมผู้สูงอายุ ซึ่งทำให้ยิ่งเวลาผ่านไปเมืองไทยมีคนแก่มากขึ้น SMD ยิ่งได้ประโยชน์เพราะเป็นคนขายอุปกรณ์การแพทย์ให้โรงพยาบาล
3. ในความคิดผมหุ้น SMD น่าจะได้ประโยชน์จากการเปิดเมืองด้วย เพราะในช่วงที่มีวิกฤต COVID-19 ไม่มีใครอยากไปโรงพยาบาลหรอกครับ ยิ่งโรงพยาบาลรัฐฯ ที่รอคิวกันแน่น ๆ คนยิ่งหลีกเลี่ยง ดังนั้น ถ้าวิกฤตนี้จบลง ผมเชื่อว่าความต้องการอุปกรณ์ทางการแพทย์น่าจะมีสูงขึ้น
เรียกได้ว่าถ้าหุ้นทั่ว ๆ ไปกลัว Aging Society กัน ผมว่าหุ้น SMD นี่ชอบเลยล่ะ เพราะได้ประโยชน์จากเทรนด์นี้อย่างชัดเจน

ในมุมของการเติบโต …
รายได้และกำไรสุทธิของ SMD มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2563 บริษัทฯ ยังสามารถ
เติบโตได้ มีรายได้โต 6.8% กำไรสุทธิเติบโต 28.6% ท่ามกลางการระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19
บริษัทฯ มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 41.9% บริษัทฯ สามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นได้ ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารมีสัดส่วนลดลงเมื่อเทียบกับรายได้ เนื่องจากรายได้มีการเติบโตในอัตราที่รวดเร็วกว่าค่าใช้จ่าย ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น
คีย์ในการผลักดันให้ SMD เติบโตคือการเพิ่มรายได้ในขณะที่คุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายให้เติบโตน้อยกว่ารายได้ให้ต่อเนื่อง
อีกส่วนที่น่าสนใจคือ ตัวเลขอัตรากำไรสุทธิสูงกว่าบริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกัน SMD มีอัตรากำไรสุทธิที่ 11.8% ในขณะที่คู่แข่งอยู่ราว ๆ 7-8%

จุดเด่นของ SMD ที่ผมคิดว่าสำคัญมาก ๆ คือเรื่องสินค้าครับ
สินค้าที่ SMD ขายไม่ใช่อุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ธรรมดานะครับ แต่ส่วนใหญ่เป็นอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ที่เน้นภาวะวิกฤตและโรคที่คนไทยเป็นกันเยอะ ๆ เช่น โรคที่เกี่ยวกับการนอน เป็นต้น
แต่ละส่วนจะแบ่งสัดส่วนดังนี้ครับ
- กลุ่มสินค้าเวชบำบัดวิกฤต สัดส่วน 40.19% อันนี้เป็นเครื่องมือที่ใช้ในหออภิบาลผู้ป่วยหนักและห้องฉุกเฉิน ดังนั้น เรื่องคุณภาพจะต้องมาก่อนเพราะคนไข้จะรอดชีวิตหรือไม่ส่วนหนึ่งก็อยู่ที่เครื่องมือเหล่านี้ด้วยครับ พอรู้แบบนี้ผมจึงไม่ค่อยแปลกใจว่าทำไมอัตราการทำกำไรของบริษัทฯ ถึงค่อนข้างดี เป็นเพราะสินค้าที่บริษัทฯ ขายสำคัญนั่นเองครับ
- กลุ่มสินค้าด้านการช่วยหายใจและเวชศาสตร์การนอนหลับ สัดส่วน 35.22% ตรงนี้รวมไปถึงเครื่องประเภทเครื่องวิเคราะห์การนอนหลับ และเครื่องช่วยหายใจ ผมเป็นคนหนึ่งที่มีปัญหาเรื่องการนอนครับ โรคนี้เป็นโรคที่เรื้อรังและแก้หายได้ยากมาก คนไทยเองก็เป็นโรคนี้กันมากขึ้นเรื่อย ๆ
- กลุ่มสินค้าด้านหทัยวิทยา สัดส่วน 11.55% กลุ่มนี้คงไม่ต้องอธิบาย เพราะอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับหัวใจสำคัญหมดครับ สินค้าในกลุ่มนี้ก็เช่น เครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เครื่องวัดอัตราการไหลของเลือด
- กลุ่มเครื่องมือแพทย์ทั่ว ๆ ไป สัดส่วน 8.43% เป็นสินค้าประเภทโคมไฟ เตียง ชุดท่อ รถเข็น เครื่องวัดอุณหภูมิ เป็นต้น
- กลุ่มสมาร์ทฮอสพิทอล สัดส่วน 4.15% แม้สัดส่วนยังไม่เยอะ แต่ในอนาคตน่าจะโตดีเพราะเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกโดยใช้เทคโนโลยี
- กลุ่มอื่น ๆ 0.46% เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยเสริมสินค้าด้านบน
นอกจากสินค้าที่มีความสำคัญสำหรับลูกค้าแล้ว กลุ่มลูกค้าหลักของ SMD ก็เป็นกลุ่มที่น่าสนใจและกำลังซื้อเยอะ
SMD มีรายได้หลักมาจากโรงพยาบาลรัฐบาล 60.93% หรือเกินครึ่งของรายได้ทั้งหมด โดยโรงพยาบาลเหล่านี้จะได้งบประมาณจากรัฐบาล จึงเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีความสามารถและมีประสิทธิภาพในการชำระเงิน แถมโอกาสโตต่อเนื่องก็มีมาก ถือเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีความมั่นคง ทำให้การเติบโตของรายได้ SMD ดีไปด้วย
ที่เหลือเป็นกลุ่มนิติบุคคลและบุคคลทั่วไป 16.27% โรงพยาบาลเอกชน 10.27% มหาวิทยาลัยและสถาบันการแพทย์ 10.14% และอื่น ๆ อีก 2.4%

นอกจากการเติบโตของตัวบริษัทฯ เองแล้ว หุ้น SMD ยังถือว่าเป็นหุ้นที่อยู่ในกระแสและเติบโตตามเมกะเทรนด์สังคมผู้สูงอายุหรือ Aging Society ด้วย
จากข้อมูลจะเห็นว่าในปี 2563 ประเทศไทยมีคนที่เข้าข่ายว่าเป็นผู้สูงอายุทั้งสิ้น 12.6 ล้านคน หรือ 19.1% ของประชากรทั้งหมด แต่ในอนาคตปี 2583 สัดส่วนผู้สูงอายุของประเทศไทยจะมากขึ้นเป็น 20.5 ล้านคน เป็นสัดส่วน 32.1% ของประชากรทั้งหมด หรือ 1 ใน 3 ของประชากรทั้งหมดคือผู้สูงอายุ
ดังนั้น ความต้องการบริการเรื่องการรักษาพยาบาลและดูแลสุขภาพจะสูงมากขึ้น แน่นอนว่าความต้องการเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่าง ๆ ก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งก็จะทำให้ SMD ได้ประโยชน์จากการเติบโตไปกับเทรนด์เหล่านี้

และถ้าหากดูข้อมูลในอดีตและปีที่ผ่านมาจะเห็นว่าตลาดเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์เติบโตต่อเนื่อง โดยถ้าวัดจากปี 2559 ถึง 2563 ตลาดนี้เติบโตเฉลี่ยสูงถึงปีละ 10.45% เลยทีเดียว ส่วนหนึ่งผมคิดว่าเป็นเพราะปี 2563 มีการระบาดครั้งใหญ่ของ COVID-19 ด้วยเลยทำให้ตัวเลขในปีนั้นเติบโตก้าวกระโดดมาก
อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่าทุกประเทศได้รับบทเรียนไปแล้วจากการระบาดในปี 2563 ต่อจากนี้ไปมีโอกาสที่งบประมาณด้านสาธารณสุขจะเพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงงบประมาณที่ให้กับโรงพยาบาลรัฐฯ ต่าง ๆ จึงทำให้โอกาสการเติบโตนั้นมีมากพอสมควร
อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ 19% ของมูลค่าตลาดเป็นครุภัณฑ์ทางการแพทย์ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง เมื่อเทียบกับอุปกรณ์ทางการแพทย์กลุ่มอื่น ๆ และเป็นอุปกรณ์ที่โรงพยาบาลทุกแห่งต้องมีเตรียมพร้อมไว้สำหรับการรักษา ด้วยเหตุนี้เลยทำให้ตลาดนี้เป็นตลาดที่ค่อนข้าง Defensive ไม่ว่าในสภาวะแบบไหน ลงทุนแล้วสบายใจ

พอหันมาดูในมุมงบการเงิน ผมคิดว่างบของ SMD ในปี 2563 สวยไม่น้อยเลย
รายได้ยังเติบโตต่อเนื่อง ควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพส่งผลให้กำไรเติบโตมากกว่ารายได้
ถ้า SMD ยังสามารถรักษาการเติบโตและการควบคุมต้นทุนแบบนี้ได้ ผมเชื่อว่าจะเป็นหุ้นเติบโต IPO ที่น่าสนใจที่สุดตัวหนึ่งในปี 2564 เลยทีเดียว เพราะค่อนข้างเพียบพร้อมทั้งการเติบโตจากเมกะเทรนด์ ตัวสินค้าที่มีเอกลักษณ์และมี Pricing Power สู้ด้วยคุณภาพไม่ได้สู้ด้วยราคา รวมไปถึงการจัดการด้านการเงินที่ยอดเยี่ยม

อย่างไรก็ตามการ IPO เข้าตลาดหุ้นครั้งนี้ของ SMD ไม่ได้มีเพียงการนำเงินไปพัฒนาธุรกิจเดิม แต่ยังมีธุรกิจใหม่ที่จะกลายเป็นแหล่งรายได้ประจำที่สม่ำเสมอในอนาคตของบริษัทฯ อีกด้วย
การระดมทุนครั้งนี้จะเอาเงินไปลงทุนสร้างการเติบโตหลัก ๆ 2 อย่างด้วยกันครับ
1. ลงทุนเพื่อขยายการให้บริการให้เช่าเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทำให้บริษัทฯ สร้าง
รายได้ประจำและสม่ำเสมอ พูดง่าย ๆ คือ การให้เช่าเครื่องมือแพทย์กับโรงพยาบาลนั่นเองครับ ถ้าใครเคยลงทุนโรงพยาบาลจะรู้ว่าการเปิดศูนย์เฉพาะทางในแต่ละโรคนั้นลงทุนสูงมาก ถ้าผู้ป่วยไม่มากพอศูนย์นั้นจะไม่กำไรและขาดทุนต่อเนื่อง ดังนั้น ทางออกหนึ่งก็คือการไม่ซื้อเครื่องมือแต่เป็นการเช่าเครื่องมือแทน ซึ่ง SMD กำลังจะเข้าไปในธุรกิจนี้
2. การลงทุนเปิดศูนย์ตรวจการนอนหลับโดยร่วมมือกับโรงพยาบาลต่าง ๆ ทุกวันนี้คนมีปัญหาเรื่องการนอนกันเยอะมาก บางคนเป็นปัญหาใหญ่คือการหยุดหายใจตอนนอนซึ่งอันตรายมาก ๆ การเปิดศูนย์ตรวจการนอนน่าจะตอบโจทย์โรคที่เกี่ยวข้องกับการนอน ซึ่งมีมากขึ้นเรื่อย ๆ
นอกจาก 2 ข้อที่บอกไป สิ่งที่บริษัทฯ จะทำเพิ่มเติมคือการขยายฐานลูกค้าใหม่ในธุรกิจเดิม และการหาสินค้าใหม่ ๆ มาขายเพิ่มเติมครับ

จากที่เขียนมาทั้งหมด นอกจากเรื่องการเติบโตและรายได้แล้ว SMD มีจุดเด่นที่ทำให้ธุรกิจยังสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนแบบชัด ๆ ประมาณ 4 ข้อครับ
- ประสบการณ์การดำเนินงาน 20 ปี อันนี้สำคัญมากโดยเฉพาะพวกเครื่องมือแพทย์ด้านเวชบำบัดวิกฤต
- คอนเนคชั่น เป็นตัวแทนนำเข้าของผู้ผลิตระดับโลก เพราะเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์มีความซับซ้อน เกิดใช้ผิดวิธีมีคนเสียชีวิตนะครับ ดังนั้น Sensitive มาก ๆ ไม่ใช่ของที่ใครคิดจะเข้ามาขายแล้วบริษัทต่างประเทศจะให้เป็นตัวแทนง่าย ๆ
- บริการหลังการขาย อันนี้เป็นจุดที่สำคัญ เพราะจะช่วยให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่น ต่างกับอุปกรณ์ทางการแพทย์ง่าย ๆ เช่นพวกเจลล้างมือ หน้ากาก หรือถุงมือ
- ความเข้าใจในกฎระเบียบข้อบังคับของประเทศไทย เนื่องจากอุปกรณ์เหล่านี้เป็นความเป็นความตายของคนไข้ ดังนั้น ต้องมีกฎหมายเข้ามากำกับดูแล คนที่เอาเข้ามาขายก็ต้องเข้าใจกฎหมายพวกนี้ให้ดี

และเนื่องจากธุรกิจของ SMD เป็นธุรกิจที่เรียกได้ว่ามีผู้เล่นมากรายและเป็นธุรกิจนำเข้า แน่นอนว่าจะเกิดความเสี่ยงสำหรับธุรกิจหลัก ๆ 3 ข้อครับ
- การแข่งขันที่อาจรุนแรงขึ้นในบางช่วงเวลา ถ้าบริษัทไหนมีสถานะทางการเงินที่ไม่ค่อยแข็งแรงก็อาจจะไม่สามารถอยู่ในธุรกิจต่อไปได้
- การนำเข้าจากต่างประเทศ แน่นอนว่าต้องมีความผันผวนของค่าเงิน เงินบาทแข็งก็จะดี แต่ถ้าเงินบาทอ่อนค่าก็จะเป็นปัจจัยลบ
- SMD พึ่งพา Supplier รายใหญ่หลายราย ถ้ามีบางรายเกิดเปลี่ยนแปลงก็อาจจะกระทบกับผลประกอบการได้
สุดท้ายนี้… SMD เป็นหุ้นที่มีแนวโน้มเติบโตอยู่แล้ว สินค้าที่ขายก็ดูมีความได้เปรียบประมาณนึง อัตราการทำกำไรดี โอกาสที่จะโตหลังเข้าตลาดมีอยู่มากทีเดียวครับ
ชอบสรุปข้อมูลหุ้นอ่านง่ายแบบนี้ ไม่พลาดหุ้นเด็ด อย่าลืมกด Like Page Facebook Buffettcode แอด LINE OFFICIAL @BUFFETTCODE กันไว้นะครับ