ลงทุน LTF ปีสุดท้ายแบบไหนดี?
ปลายปีแล้วซื้อ LTF กองไหนดี จะหุ้นใหญ่หรือหุ้นเล็กดีกว่า?
หาคำตอบกันในบทความ “เลือกคู่หูลดภาษี LTF-RMF ยังไงให้อุ่นใจ”
ใครกำลังสนใจจะลดหย่อนภาษี แต่ไม่รู้จะเลือกกองทุนไหน?
ยังมีคำถามเรื่อง LTF ปีสุดท้ายจะเป็นยังไง?
บทความนี้จะช่วยคุณได้แน่นอนครับ !
#KAsset #KDLTF #KEQRMF #คำตอบที่ใช่ของการลงทุน
Buffettcode x KAsset
LTF ปีนี้เป็นปีสุดท้ายที่ซื้อแล้วสามารถเอาไปลดภาษีได้ เป็นโอกาสทองของคนที่อยากประหยัดภาษี เงื่อนไขของ LTF ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ส่วนที่แตกต่างไปคือพอถึงปีหน้าการซื้อ LTF จะไม่ได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีแล้ว ส่วนกองทุนยังคงดำเนินงานเหมือนเดิมไม่ได้ปิดตัวแต่อย่างใด ดังนั้นใครก็ตามที่ต้องเสียภาษี ปีนี้คือโอกาสสุดท้ายที่จะลดหย่อนได้ด้วย LTF ครับ
ในการเลือก LTF ผมมักจะเลือกหุ้นใหญ่มากกว่าหุ้นเล็ก เลือกการปันผลในรูปแบบของผลตอบแทน หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผมเลือก LTF หุ้นใหญ่ เพราะผมต้องถือ LTF ถึง 7 ปี ถ้าเป็น RMF ก็ไม่ต่ำกว่า 20 ปี ระหว่างทางจะเกิดอะไรขึ้นบ้างก็ไม่รู้ หุ้นใหญ่ที่มีฐานทุนแข็งแกร่งน่าจะปลอดภัยกว่า ความผันผวนน้อยกว่า ซื้อแล้วนอนหลับสบายไม่ต้องเครียด
นอกจากนั้นถ้าเลือกกอง LTF ที่ได้ปันผลระหว่างทาง ก็เหมือนได้กำไรก่อนครบกำหนด 7 ปีอีกด้วย พอได้คืนแล้วอยากจะเอาไปทำอะไร หรือจะเอาไปลงทุนต่อก็เป็น “ทางเลือก” ที่เราสามารถกำหนดเองได้ ดังนั้นในการลงทุน LTF-RMF ผมจึงวางกลยุทธ์ในการให้น้ำหนักกับหุ้นใหญ่ที่มีความเสี่ยงและความผันผวนน้อยกว่าหุ้นเล็ก เลือกกองทุนที่ถือหุ้นที่มีฐานทุนแข็งแรงมากกว่าที่จะไล่ล่าผลตอบแทนจากความไม่แน่นอนแบบหุ้นเล็ก
หุ้นใหญ่ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน เปรียบเสมือนเป็นยักษ์ที่ตื่น และพร้อมปรับตัวแล้ว ต่างกับช่วงเวลาที่ผ่านมาที่ปรับตัวช้า สถานการณ์ตอนนี้จึงไม่ง่ายสำหรับบริษัทเล็กๆที่จะเข้าไปแข่งขันด้วย ถ้าไม่เจ๋งจริง โอกาสประสบความสำเร็จแบบก้าวข้ามบริษัทยักษ์มีน้อยมาก
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หุ้นใหญ่ตอนนี้มีทั้งทุน ฐานลูกค้า กำลังคน และความพร้อมในการรองรับความเปลี่ยนแปลง ดังนั้นการที่จะโดนบริษัทเล็กๆ Disrupt ง่ายๆนั้นไม่มีอีกแล้ว ในกรณีที่ต้องเจอกับธุรกิจเล็กที่ยอดเยี่ยมจริงๆก็ยังมีทางเลือกอย่างการเข้าเป็นพันธมิตร หรือซื้อกิจการไปเลย เพื่อดึงคู่แข่งมาเป็นพวกเดียวกัน ทางเลือกของหุ้นใหญ่มีอยู่มาก ในขณะที่หุ้นเล็กอาจมีทางเลือกไม่กี่ทาง โอกาสจึงมักจะกลายเป็นของหุ้นใหญ่
ปีที่ผ่านมาหุ้นเล็กหลายตัวของหลายบริษัทปรับตัวไม่ทัน ในขณะที่หุ้นใหญ่ยังเป็นหุ้นที่ยันตลาดไว้ และยังเป็นเป้าหมายลำดับต้นๆในการไหลเข้าของเงินทุนจากนักลงทุนต่างประเทศอีกด้วย ซึ่งเม็ดเงินลงทุนของต่างชาติก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้หุ้นให้ผลตอบแทนที่ดี

ที่มา : SETSMART ณ วันที่ 12 พฤศจิกายน 2562
ในมุมของการลงทุน LTF-RMF กองทุนหุ้นใหญ่ของกสิกรไทยซึ่งเป็นบลจ.ใหญ่และมีสินทรัพย์ในธุรกิจกองทุนรวมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีกองทุนเด่นที่น่าสนใจอยู่ 2 กองคือ KDLTF และ KEQRMF 2 กองนี้เป็นกองยอดขายอันดับหนึ่งของกสิกรไทยด้วย
KDLTF ถือเป็นกองทุนที่เหมาะกับคนอยากได้ปันผล เพราะเป็นกองทุนที่มีปันผลสูงสุดของกสิกรไทย ปันผลสม่ำเสมอต่อเนื่องทุกปีตั้งแต่จัดตั้ง พ.ศ. 2547 มากถึง 24 ครั้ง รวมเป็นเงิน 10.37 บาทต่อหน่วย การเลือก LTF ที่มีการปันผลถือเป็นข้อดี เพราะได้กำไรกลับมาก่อน โดยไม่ต้องรอให้ครบ 7 ปี ถ้าเอาเงินปันผลเหล่านั้นไปลงทุนกองทุนรวมหรือหุ้นเพิ่มเติมก็สามารถสร้างผลตอบแทนได้อีก กำไร 2 เด้ง
จุดสำคัญในการเลือกกองทุน LTF ปันผล นอกจากดูความสม่ำเสมอในการจ่ายปันผลแล้ว ก็ต้องดูว่ากองทุนจ่ายปันผลปีละกี่ครั้ง แล้วจำนวนเงินปันผลในแต่ละครั้งว่าได้กี่บาท คิดเป็นกี่ % ของมูลค่ากองทุนที่เราลงทุนไป
โดย KDLTF มีการจ่ายเงินปันผลเฉลี่ย (Average Dividend Yield) ประมาณ 4% ต่อปีตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งจะปันผลได้สม่ำเสมอแค่ไหน เหตุผลหลักเลยก็อยู่ที่หุ้นที่กองทุนนั้นๆไปลง มาดูกันครับว่าหุ้นที่ KDLTF ไปลงทุนมีอะไรบ้าง?
หุ้นที่ KDLTF ลงทุนหลักๆคือ AOT ซึ่งตอนนี้ราคาพุ่งทำจุดสูงสุดใหม่ไปเรียบร้อยแล้วจากการคาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวจีนจะกลับมาเติบโตอีกครั้ง, CPALL ก็กำลังมีการลงทุนที่ขยายไปต่างประเทศอย่างกัมพูชาและสปป.ลาว, PTT กำลังจะเอา PTTOR ที่เป็นกลุ่มค้าปลีกมาเข้าตลาดหลักทรัพย์เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับราคาหุ้น และ ADVANC กับ INTUCH ที่เป็นหุ้นปันผลต่อเนื่อง ใกล้ๆนี้จะมีการประมูล 5G จะเห็นว่าหุ้นแต่ละตัวนั้นมีสถานะทางการเงินที่เข้มแข็งมากๆ ไม่แปลกใจถ้าจะปันผลออกมาได้อย่างสม่ำเสมอ

ที่มา : KDLTF Fund Factsheet วันที่ 30 กันยายน 2562
ส่วนกองทุน RMF ที่ลงทุนหุ้นใหญ่ อยากแนะนำ KEQRMF กองทุน RMF 4 ดาว และติด Top 5 อันดับกองทุนที่มีผลตอบแทนย้อนหลัง 7 ปีสูงที่สุด (ข้อมูล ณ 30 ก.ย. 62) และถ้ามองในมุมผลตอบแทนย้อนหลัง 10 ปี KEQRMF ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีสูงกว่า 10% ต่อปีเลยทีเดียว หุ้นที่ลงทุนก็เป็นหุ้นชั้นนำ แถวหน้าของเมืองไทยอย่าง AOT, PTT, ADVANC และ CPALL
ทั้ง 2 กองทุนนี้ยังซื้อง่ายผ่านแอป K PLUS หรือ K-My Funds เพราะซื้อขั้นต่ำเพียง 500 บาทเท่านั้น ใครๆก็ซื้อได้ทั้ง LTF-RMF

การลดหย่อนภาษีด้วย LTF นับว่าเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ดีที่สุดในการลดหย่อนภาษี เพราะถือ 7 ปีปฏิทิน (ซึ่งจริงๆก็คือ 5 ปีกับอีก 2 วัน) ได้ลดหย่อนภาษี 3-35% เทียบได้กับการซื้อหุ้นลดราคา บางกองทุนมีปันผลคืนให้ระหว่างทางอีก เงื่อนไขแบบนี้หายากและไม่น่าจะมีอีกแล้ว ปีนี้เป็นปีสุดท้ายของการซื้อ LTF นับว่าไม่ควรพลาดที่จะซื้อให้เต็มโควตา (เพราะผมเองก็จัดเต็มเช่นกัน)
อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงข้อมูลที่ผมสรุปมาให้ หวังว่าจะช่วยสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับ LTF ให้กับทุกคน ส่วนใครจะซื้อ LTFกองไหนเท่าไหร่คงเป็นการตัดสินใจของแต่ละคน สิทธิลดหย่อนภาษีของใคร ต้องไปซื้อเพื่อรับสิทธิกันเอง ผมคงไปจับมือใครลงทุนไม่ได้ แต่สำหรับตัวผมเองที่คิดว่าจะลงทุนไป “ตลอดชีวิต” ผมเลือกซื้อทั้ง LTF และ RMF คู่กันเพื่อให้ได้ผลประโยชน์จากการประหยัดภาษีให้ได้มากที่สุดครับ
พิเศษซื้อ LTF และ/หรือ RMF กสิกรไทย ผ่าน K PLUS หรือ K-My Funds ตั้งแต่ 1 พ.ย.-30 ธ.ค. 62 รับฟรี Starbucks e-Coupon สูงสุด 500 บาท เมื่อลงทุนตามเงื่อนไข ใครสนใจสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/2qAji5U
คู่หู LTF-RMF หุ้นใหญ่ลดภาษีอุ่นใจ …
ซื้อควบทั้งคู่แบบไวๆไปเจอกันที่กสิกรไทย !
#KAsset #KDLTF #KEQRMF #คำตอบที่ใช่ของการลงทุน
Buffettcode x KAsset
คำเตือน
- ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน
- ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้ยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
- เงินปันผลจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% โดยผู้ลงทุนสามารถเลือกนำไปคำนวณ หรือไม่คำนวณภาษีเงินได้ประจำปี